ลอยอังคารแม่น้ำโขง หนองคาย

แนะนำสถานที่ลอยอังคาร แม่น้ำโขง ที่วัดหายโศก

โทร.081-0618914

<<<เส้นทาง >>>

พระครูอินทร วรธรรม เจ้าอาวาสวัดหายโศก จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า วัดนี้ชื่อว่าวัดหายโศกจริง และเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันมาเป็นเวลากว่า 200 ปี วัดนี้อยู่ติดแม่น้ำโขง ตรงกันข้ามกับประเทศลาว จึงมีชาวไทยพุทธและลาวพุทธเดินทางไปมาหาสู่กันเป็นประจำเช้าสายบ่ายค่ำ ถึงกันตลอดเวลา แต่ต่อมาประเทศลาวเกิดสงครามภายใน และลามมาถึงประเทศไทย ในฐานะผู้ให้ความร่วมมือกับฝ่ายตรงกันข้ามทำสงครามในลาว เรียกง่ายๆ ว่า ประเทศไทยส่งเสริมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายทำสงครามกัน ทางรัฐบาลทหารลาวจึงต้องประกาศปิดพรมแดน ไม่ให้เข้าออกโดยเสรีเหมือนเดิม จะเข้าออกได้ก็ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบทั้งสองฝ่ายจึงจะข้ามไปมาได้ ซึ่งสร้างความลำบากใจทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายลาว แต่ก็ต้องเคารพกฎกติกากันเพื่อความสัมพันธ์อันดี สมกับเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมายาวนาน

นอกจากนี้ยังมีประเพณีการร่วมเป็นทองแผ่นเดียวกันอีก คือ หนุ่มไทยไปได้กับสาวลาว สาวลาวมาได้กับหนุ่มไทย มีลูกหลานมาหลายชั่วคน ลูกหลานจึงอยู่อาศัยกันทั้งสองฝ่าย ในไทยก็มีลูกหลานลาวอยู่ ในลาวก็มีลูกหลานคนไทยอยู่ เมื่อบางครั้งมีการประกาศสงครามระหว่างลาวกับไทย เป็นสงครามชายแดน ฝ่ายหนึ่งมีประเทศจีนหนุนหลัง ที่เรียกกันว่า จีนแดง อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายพัมธมิตร มีชาติยักษ์ใหญ่ในยุโรปเป็นลูกพี่ คือ รัสเซีย และอเมริกา สองประเทศนี้ต้องการจะปราบทหารจีนแดง หรือจีนคอมมิวนิสต์ ที่บุกมาทางลาวและญวน โดยมีไทยเป็นชาติเป็นกลางในการสู้รบในครั้งนั้น

เหยื่อสงครามเป็นจำนวนมากหนีข้ามมาฝั่งไทย คือ การอพยพส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงและเด็ก ส่วนผู้ชายจะต้องเป็นทหาร ต้องออกไปสู้รบหรือทำศึกให้ประเทศชาติ บางคนก็ได้กลับมาหาลูกหาเมีย บางคนก็ไม่ได้กลับมาหาลูกเมียและญาติพี่น้อง ตายในสงคราม ลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทยก็มีความเศร้าโศกเสียใจที่ลูกผัวต้องมาตายในสนามรบ พบกันก็ร้องไห้ อาลัยกันเหลือแสน จนเป็นความโศก ความทุกข์ กัดกร่อนกินใจกันตลอดเวลา

ชาวลาวที่อพยพข้ามมาอยู่ฝั่งไทยในขณะนั้นมีจำนวนมาก จึงร่วมกับพระภิกษุที่ท่านจาริกมาอยู่พื้นที่ตรงนั้น หาทางคลายโศก หาทางดับทุกข์ให้กับผู้ต้องสูญเสียสามี สูญเสียวงศาคณาญาติจากภัยสงคราม และจากโรคภัยไข้เจ็บ มีแต่ความทุกข์ ความโศกเศร้า พระภิกษุที่จาริกมาแสวงบุญจึงปักกลดลงพื้นที่ตรงนั้น เทศนาโปรดญาติโยมที่กำลังทุกข์ กำลังโศก ให้หายโศกดับทุกข์ด้วยหลักโลกธรรม คือ ความตายเป็นสิ่งธรรมดา ทุกชีวิตในโลกนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหนีความตายได้พ้น ทั้งคนและสัตว์ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา

เทศน์โปรดโยมอย่างนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ญาติโยมที่ทุกข์โศกก็เริ่มคลายทุกข์หายโศก จึงรวบรวมกันสร้างสำนักสงฆ์ให้พระภิกษุรูปนั้นอาศัย ใช้ชื่อสำนักสงฆ์ตรงตัวว่า "วัดหายโศก" และเรียกกันมาจนทุกวันนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อมีการตายเกิดขึ้นก็มีการปลงศพ หรือเผาศพในเชิงตะกอนกลางแจ้งในบริเวณวัด ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ป่าช้า" โดยการประกอบพิธีเผาศพเสร็จก็เก็บกระดูกไปลอยอังคาร เหลือเก็บไว้บังสุกุลบ้างเล็กน้อย นอกนั้นลอยอังคาร

พิธีลอยอังคารคือ นำกระดูกใส่ห่อผ้าขาว ผูกเชือกด้วยสายสิญจน์ให้แน่นหนา แล้วปล่อยลงแม่น้ำ กระดูกหรืออังคารก็จะลอยสะเทินน้ำสะเทินบกออกไปปากอ่าวแม่น้ำโขง หรือ แม่น้ำเจ้าพระยา ในปัจจุบัน ห่ออังคารก็จะลอยไปจมอยู่ใต้น้ำ ใต้บาดาล บางศพลอยไปตกอยู่ที่ก้นอ่าวไทย ส่วนกระดูกที่เก็บมาเพื่อบังสุกุล บางรายก็เก็บในโกฐเอาไว้ในบ้านเพื่อกราบไหว้บูชา บางรายก็เอาบรรจุในเจดีย์ภายในป่าช้าวัด แล้วครบ 1 ปีก็จะนิมนต์พระมาบังสุกุลเพื่ออุทิศสวนกุศลให้กับผู้ล่วงลับไปแล้วตามประเพณีไทยพุทธ

เมื่อมีการตาย การพลัดพรากจากกันจึงต้องโศกเศร้าเป็นธรรมดา ผู้ยังติดในวัฏสงสารก็ต้องอาลัยลา บางรายกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงขนาดฆ่าตัวตายตามก็มีเจ้าอาวาสรูปนั้น และพระอีกหลายรูปที่มาจำพรรษาในวัดตรงนั้น เวลานั้น ก็เทศนาโปรดโยม เรื่องของการเกิดแก่เจ็บตาย จนคลายทุกข์ คลายโศก คลายความเศร้าเสียใจให้มีความคิดใหม่ ทำใหม่ ตั้งตนชีวิตใหม่ อย่าไปอาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งที่มันล่วงลับไปแล้ว อย่างไรก็ไม่กลับคืนมา อย่างแน่นอน

ญาติโยมที่มีความทุกข์ ความโศก ความเศร้า ก็คลายทุกข์ คลายโศก คลายเศร้า วัดแห่งนี้จึงเป็นที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขตลอดมา จนกลายเป็นว่าญาติโยมมีทุกข์ก็จะมาดับทุกข์กับหลวงพ่อบ้าง กับพระรูปอื่นๆ บ้าง บางคนมาวัดไม่เจอพระก็มานั่งจำศีล ภาวนา ภายในวัด ภายใต้ต้นไม้ ปฏิบัติธรรม บางคนก็นุ่งขาวห่มขาวมาถือศีลกินเจที่วัดหายโศกแห่งนี้ มันเหมือนแรงบันดาลใจให้ญาติโยมหายโศก หรืออีกนัยหนึ่งก็เหมือนการใช้จิตวิทยา ในการรักษาคนไข้ของหมอโรคจิต แต่ไม่ใช่เรื่องอภินิหารเช่นกัน

หลวงพ่อเจ้าอาวาสยังกล่าวอีกว่า ในปัจจุบันมีคนป่วยด้วยโรคซึมเศร้าเป็นจำนวนมาก ยิ่งคนที่ขาดความสุข มีแต่ความทุกข์ ในเรื่องต่างๆ เช่น เมียเป็นทุกข์กลัวผัวไปมีเมียน้อย หรือที่เรียกกันว่า กิ๊ก บางคนกลัวผัวไม่รัก เรียกกว่ากลัวผัวทิ้ง บางคนก็กลัวลูกชายลูกสาวจะเสียคน เรียนไม่จบ ไปติดเพื่อน ไปติดยาเสพติด ก็เป็นทุกข์ มาหาอาตมาให้ช่วยดับทุกข์ให้ ทุกข์นั้นมันไม่ใช่ไฟที่ต้องการน้ำดับ หรือใช้สารเคมีดับได้ แต่ทุกข์นั้นมันไหม้อยู่ที่ใจต้องใช้ธรรมะดับ หรือนำธรรมะมาชำระใจ ไฟทุกข์นั้นมันก็จะค่อยๆ ดับไปเอง

เรื่องปัญหาครอบครัวนั้นมันมีด้วยกันทุกครอบครัว อาตมาเองก่อนบวชก็มีปัญหาครอบครัวเช่นกัน แต่อาตมามาบวช มารักษาศีล เจริญจิตภาวนา แผ่เมตตาต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยทำนุบำรุงพระศาสนา อาตมาก็พ้นทุกข์ของตนเอง แต่มารับทุกข์ของชาวบ้าน ทุกข์ของญาติโยม เพื่อให้เขาเหล่านั้นคลายทุกข์และหายโศกด้วยโลกธรรม

สำหรับประวัติเจ้าอาวาสวัดหายโศกรูปนี้ ท่านไม่ใช่คนหนองคาย แต่เป็นคนสกลนคร บวชเป็นพระที่เมืองสกลนคร และได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดหายโศก ปัจจุบันอายุท่านอายุ 56 ปี 21 พรรษา ปัจจุบันวัดหายโศกมีพระลูกวัด 9 รูป สามเณร 1 รูป สังกัดมหานิกาย ภายในวัดมีพระอุโบสถอายุน่าจะถึง 300 ปี เป็นโบสถ์มหาอุตม์ มีประตูเข้าออกประตูเดียว คนโบราณจะใช้ในพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้นักรบ ก่อนออกทำสงครามเพราะโบสถ์มหาอุตม์สามารถป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ได้ ปัจจุบันเหลืออยู่น้อยแล้ว ในจังหวัดหนองคายมีอยู่ที่วัดหายโศกวัดเดียวเท่านั้น

ทีแรกทางวัดจะรื้อทิ้ง สร้างโบสถ์ใหม่ แต่กรมศิลปากรไม่อนุมัติ ให้อนุรักษ์ไว้ ให้งบประมาณมาเล็กน้อยมาบูรณะซ่อมแซม เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และให้เด็กรุ่นหลังได้เรียนรู้ ได้ศึกษาศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของไทย และของศาสนาพุทธ แต่โบสถ์มหาอุตม์ดังกล่าว มีขนาดเล็กมาก ไม่สะดวกต่อการประกอบพิธีศาสนาและพิธีต่างๆ เจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นมา 1 หลัง ไม่ใหม่ซะทีเดียวนะ โบสถ์มหาอุตม์อายุเกิน 300 ปี โบสถ์ใหม่ก็อายุกว่า 200 ปี ในวัดหายโศก จึงมีโบสถ์เก่าถึง 2 หลังด้วยกัน.

- ค่าบริการลอยอังคาร เริ่มที่ 700 บาท รวมอุปกรณ์ ของใช้ในพิธีทั้งหมด

- ปัจจัยถวายพระสงฆ์นำทำพิธี ทางคณะถวายตามศรัทธา

จองลอยอังคารแม่น้ำโขง โทร.081-0618914